นักลงทุนสัมพันธ์

การเสนอวาระประชุมผู้ถือหุ้น

หลักเกณฑ์การให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเสนอระเบียบวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น และ / หรือ ชื่อกรรมการล่วงหน้า

เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นว่า จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) จึงเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยสามารถเสนอระเบียบวาระการประชุมในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี รวมทั้งเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้าเป็นกรรมการบริษัท โดยมีขั้นตอนและวิธีปฏิบัติที่ชัดเจนและโปร่งใส

“บริษัท” หมายถึง บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)
“คณะกรรมการ” หมายถึง คณะกรรมการบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)
“ระเบียบวาระการประชุม” หมายความว่า ระเบียบวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)
“กรรมการที่เป็นผู้บริหาร” หมายถึง กรรมการที่เป็นสมาชิกของฝ่ายบริหาร

ผู้ถือหุ้นที่จะเสนอระเบียบวาระการประชุม และ / หรือเสนอชื่อกรรมการต้องเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ วันที่เสนอระเบียบวาระการประชุมหรือเสนอชื่อกรรมการ ซึ่งอาจเป็นผู้ถือหุ้นรายเดียวหรือหลายรายรวมกันได้โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นขั้นตํ่าไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.05 หุ้น (คิดเป็นจำนวนหุ้น 263,233 หุ้น)

  • 4.1 ขั้นตอนการเสนอวาระการประชุม

    ผู้ถือหุ้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อ 3. จะต้องส่งแบบเสนอระเบียบวาระการประชุมพร้อมลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน และส่งให้คณะกรรมการพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องภายในเวลาที่กำหนด ดังนี้

    1. หลักฐานการถือหุ้น ได้แก่ หนังสือรับรองจากบริษัทหลักทรัพย์ หรือ หลักฐานอื่นจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
    2. เอกสารประกอบเพิ่มเติมที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของคณะกรรมการ (ถ้ามี)
  • 4.2 เรื่องที่จะไม่บรรจุเป็นระเบียบวาระการประชุม

    โดยปกติแล้ว เรื่องที่จะไม่บรรจุเป็นระเบียบวาระการประชุมโดยทั่วไปจะประกอบด้วย

    1. เรื่องที่กำหนดในวรรคสองของมาตรา 89/28 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 โดยมีรายละเอียดดังนี้
      • เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัท และข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างโดยผู้ถือหุ้นมิได้แสดงถึงเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับความไม่ปกติของเรื่องดังกล่าว
      • เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนืออำนาจที่บริษัทจะดำเนินการให้เกิดผลตามที่ประสงค์
      • เป็นเรื่องที่ผู้ถือหุ้นได้เคยเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาแล้วในรอบสิบสองเดือนที่ผ่านมา และเรื่องดังกล่าวได้รับมติสนับสนุนด้วยคะแนนเสียงน้อยกว่าร้อยละสิบของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท เว้นแต่ข้อเท็จจริงในการนำเสนอครั้งใหม่จะได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญจากข้อเท็จจริงในขณะที่นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในครั้งก่อน
      • กรณีอื่นใดตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด
    2. เรื่องที่ขัดกับกฎหมาย ประกาศ ข้อบังคับ กฎและระเบียบต่างๆ ของหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัท หรือไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ข้อบังคับ มติที่ประชุมผู้ถือหุ้น การกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท
    3. เรื่องที่เป็นอำนาจการบริหารจัดการของคณะกรรมการเว้นแต่เป็นกรณีที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ถือหุ้นโดยรวม
    4. เรื่องที่บริษัทได้ดำเนินการแล้ว
  • 5.1 ขั้นตอนการเสนอชื่อกรรมการ

    ผู้ถือหุ้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อ 3 ต้องกรอกข้อมูลในแบบเสนอชื่อกรรมการ และส่งให้คณะกรรมการพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องภายในเวลาที่กำหนด ดังนี้

    1. หลักฐานการถือหุ้น ได้แก่ หนังสือรับรองจากบริษัทหลักทรัพย์ หรือ หลักฐานอื่นจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
    2. หลักฐานการให้ความยินยอมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ พร้อมเอกสารประกอบการพิจารณาด้านคุณสมบัติ ได้แก่ การศึกษาและประวัติการทำงาน (Curriculum Vitae) ของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ
    3. เอกสารประกอบเพิ่มเติมที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของคณะกรรมการ (ถ้ามี)
  • 5.2 คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการ

    กรรมการเอ็กโกจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ ดังนี้

    1. คุณสมบัติทั่วไป
      1. 1.1 มีคุณสมบัติถูกต้องและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายบริษัทมหาชนจำกัด กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อบังคับบริษัท และหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท
      2. 1.2 มีความรู้ ความสามารถ ความเป็นอิสระ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการด้วยความระมัดระวังและความซื่อสัตย์ (Duty of Care and Duty of Loyalty) สามารถทุ่มเทอุทิศเวลาได้อย่างเต็มที่ สามารถเข้าประชุมคณะกรรมการอย่างสมํ่าเสมอ มีการเตรียมตัวเป็นการล่วงหน้าก่อนการประชุมเป็นอย่างดีมีส่วนร่วมที่สร้างสรรค์ในการประชุม มีความตรงไปตรงมา มีความกล้าหาญในการแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม
      3. 1.3 กรรมการต้องมีอายุไม่เกิน 72 ปี
      4. 1.4 ดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทจดทะเบียนไม่เกิน 3 แห่งในกรณีที่เป็นกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร และไม่เกิน 2 แห่งในกรณีที่เป็นกรรมการที่เป็นผู้บริหาร
      5. 1.5 แสดงถึงความรับผิดชอบและมีวุฒิภาวะ
      6. 1.6 มีความเป็นอิสระที่สามารถให้ความเห็นและข้อเสนอแนะโดยปราศจากอิทธิพลและการแทรกแซงจากผู้อื่น
      7. 1.7 สามารถอุทิศเวลาในการกำกับดูแลบริษัทอย่างเต็มที่
    2. คุณสมบัติเฉพาะ ประกอบด้วยทักษะที่คณะกรรมการบริษัทต้องมีซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อการกำกับดูแลกิจการ อันจะทำให้บริษัทสามารถเติบโตตามแผนกลยุทธ์และบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ได้แก่
      1. 2.1 ด้านธุรกิจไฟฟ้า พลังงาน และวิศวกรรม
      2. 2.2 ด้านธุรกิจต่างประเทศ
      3. 2.3 ด้านบัญชี การเงิน และเศรษฐศาสตร์
      4. 2.4 ด้านการวางกลยุทธ์และแผนธุรกิจ
      5. 2.5 ด้านการกำกับดูแลกิจการ
      6. 2.6 ด้านการตรวจสอบ
      7. 2.7 ด้านการควบคุมภายใน และการบริหารความเสี่ยง
      8. 2.8 ด้านกฎหมาย
      9. 2.9 ด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล
      10. 2.10 ด้าน Smart Technology
  • 5.3 คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการอิสระ

    บุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นกรรมการอิสระต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้

    1. ถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 0.5 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง (นับรวมบุคคลที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 258 ตามกฎหมายหลักทรัพย์)
    2. ไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการที่มีส่วนร่วมในการบริหารงาน (กรรมการที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหาร กรรมการที่ทำหน้าที่รับผิดชอบเยี่ยงผู้บริหาร และกรรมการที่มีอำนาจลงนามผูกพัน เว้นแต่แสดงได้ว่าเป็นการลงนามผูกพันตามรายการที่คณะกรรมการมีมติอนุมัติไว้แล้ว และเป็นการลงนามร่วมกับกรรมการรายอื่น) ลูกจ้าง พนักงาน หรือที่ปรึกษาที่ได้รับเงินเดือนประจำ / ผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทร่วม บริษัทย่อยลำดับเดียวกัน (บริษัทย่อยตั้งแต่ 2 บริษัทขึ้นไปที่มีบริษัทใหญ่เป็นบริษัทเดียวกัน) หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี
    3. ไม่เป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิต หรือโดยการจดทะเบียนตามกฎหมายในลักษณะที่เป็นบิดา มารดา คู่สมรส พี่น้องและบุตร รวมทั้งคู่สมรสของบุตรของผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้มีอำนาจควบคุม หรือบุคคลที่จะได้รับการเสนอให้เป็นผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทหรือบริษัทย่อย
    4. ไม่มีหรือเคยมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง ในลักษณะที่อาจเป็นการขัดขวางการใช้วิจารณญาณอย่างอิสระของตน รวมทั้งไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กรรมการซึ่งไม่ใช่กรรมการอิสระหรือผู้บริหารของผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วมหรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ก่อนวันที่ยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงาน
    5. ไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง และไม่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กรรมการซึ่งไม่ใช่กรรมการอิสระ ผู้บริหาร หรือหุ้นส่วนผู้จัดการของสำนักงานสอบบัญชี ซึ่งมีผู้สอบบัญชีของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งสังกัดอยู่ เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ก่อนวันที่ยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงาน
    6. ไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ให้บริการทางวิชาชีพใดๆ ซึ่งรวมถึงการให้บริการเป็นที่ปรึกษากฎหมายหรือที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งได้รับค่าบริหารเกินกว่าสองล้านบาทต่อปีจากบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ให้บริการทางวิชาชีพเป็นนิติบุคคล ให้รวมถึงการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กรรมการซึ่งไม่ใช่กรรมการอิสระ ผู้บริหาร หรือหุ้นส่วนผู้จัดการของผู้ให้บริการทางวิชาชีพนั้นด้วย เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ก่อนวันที่ยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงาน
    7. ไม่เป็นกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของกรรมการของบริษัท ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือ ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท
    8. ไม่มีลักษณะอื่นใดที่ทำให้ไม่สามารถให้ความเห็นอย่างเป็นอิสระเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัท

ผู้ถือหุ้นส่งแบบรายการและเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ฝ่ายเลขานุการบริษัท ตามที่อยู่ ดังนี้

ฝ่ายเลขานุการบริษัท
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)
อาคารเอ็กโก 222 ถนนวิภาวดีรังสิต ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กรุงเทพฯ 10210

หรือแจ้งเรื่องอย่างไม่เป็นทางการที่ Email Address ของคณะกรรมการบริษัท directors@egco.com ก่อนส่งต้นฉบับของแบบรายการพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ฝ่ายเลขานุการบริษัท

ฝ่ายเลขานุการบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบทานความครบถ้วนของข้อเสนอของผู้ถือหุ้น และนำเสนอคณะกรรมการพิจารณาต่อไป ซึ่งข้อวินิจฉัยของคณะกรรมการต่อข้อเสนอของผู้ถือหุ้นถือเป็นสิ้นสุด โดยมีขั้นตอนดำเนินการ ดังนี้

  • 7.1 เรื่องที่ผู้ถือหุ้นให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง เลขานุการบริษัทจะแจ้งผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 17 มกราคม 2567 โดยหากผู้ถือหุ้นไม่ดำเนินการแก้ไขและส่งต้นฉบับคืนให้ถึงบริษัทภายในวันที่ 28 มกราคม 2567 เลขานุการบริษัทจะส่งหนังสือแจ้งผู้ถือหุ้นเพื่อทราบการปิดเรื่อง
  • 7.2 เรื่องที่เสนอโดยผู้ถือหุ้นที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามข้อ 3. เลขานุการบริษัทจะส่งหนังสือแจ้งผู้ถือหุ้นเพื่อทราบการปิดเรื่องภายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567
  • 7.3 เรื่องที่ไม่เข้าข่ายตาม 7.1 หรือ 7.2 เลขานุการบริษัทจะรวมเสนอต่อคณะกรรมการในการประชุมคณะกรรมการเดือนกุมภาพันธ์ 2567
  • 7.4 คณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมของระเบียบวาระการประชุมที่ผู้ถือหุ้นเสนอ ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการถือเป็นที่สุด เรื่องที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการจะบรรจุเป็นระเบียบการประชุมในหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น พร้อมข้อคิดเห็นของคณะกรรมการ
  • 7.5 บริษัทจะแจ้งเรื่องที่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการและเรื่องตามข้อ 4.2 (1) – (4) ข้อ 7.1 และ 7.2 ให้ผู้ถือหุ้นทราบทันทีหลังการประชุมคณะกรรมการบริษัทหรือในวันทำการถัดไป พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลผ่านช่องทางของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เว็บไซต์ของบริษัทที่ www.egco.com และแจ้งเป็นระเบียบวาระเพื่อทราบในการประชุมผู้ถือหุ้นพร้อมระบุเหตุผลในการปฏิเสธด้วย
  • 7.6 ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นในการประชุมตามข้อ 7.5 มีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมากของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง เห็นชอบให้มีการบรรจุเรื่องที่เสนอโดยผู้ถือหุ้นเป็นระเบียบวาระการประชุมของผู้ถือหุ้น คณะกรรมการจะบรรจุเรื่องดังกล่าวเป็นระเบียบวาระในการประชุมผู้ถือหุ้นที่บริษัทจะจัดให้มีในครั้งถัดไป

ขอเชิญผู้ถือหุ้นเสนอระเบียบวาระการประชุมรวมทั้งเสนอชื่อกรรมการอิสระ ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567